เงื่อนไขความคุ้มครองรถไฟฟ้าใหม่

สำนักงาน คปภ.ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 47/2566 เรื่อง ให้ใช้แบบ ข้อความ และอัตราเบี้ยประกันภัยกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า โดยกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ที่ทำสัญญาประกันภัยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป ต้องใช้เงื่อนไขและอัตราตามคำสั่งนายทะเบียนนี้ ซึ่งความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าตามคำสั่งนายทะเบียนนี้ มีความแตกต่างจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่ผู้เอาประกันภัย/ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าถือครองอยู่ในปัจจุบัน

ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 ลูกค้าจะได้รับผลประโยชน์ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ตามเงื่อนไขใหม่ ดังนี้

• ความคุ้มครองแบตเตอรี่ และความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ เป็นส่วนหนึ่งของทุนประกันภัย โดยกรณีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายจนต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด จะได้รับการชดใช้สินไหมทดแทนตามอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โดยปีแรกจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 100 และปรับลดปีละ 10 ต่ำสุด 50 (อายุเกิน 5 ปี) โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่หรือเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลเพิ่มเติมได้ความสมัครใจ

• ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ (กรณีเป็นการใช้ส่วนบุคคล)  โดยสามารถระบุได้ตั้งแต่ 1 คน สูงสุด 5 คน

• กรณีเกิดอุบัติเหตุและผู้ขับขี่ไม่ได้เป็นรายชื่อตามที่ระบุไว้ จะมีเงื่อนไขการกำหนดอัตราร่วมจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) กรณีความเสียหายต่อตัวรถ จำนวน 6,000 บาท และกรณีความเสียหายต่อบุคคลภายนอก จำนวน 2,000 บาท

• นำพฤติกรรมผู้ขับขี่มาเป็นปัจจัยในการคำนวณเบี้ยประกันภัย

9 เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเริ่มขับรถลุยฝน

ขับรถหน้าฝน ในการขับรถ ท่ามกลางสายฝน ไม่ว่าจะเป็น ฝนที่โปรยปราย หรือฝนตกหนัก อาจจะเป็นหนึ่ง ในสถานการณ์ ของการขับขี่ ที่ยากลำบากที่สุด ที่ผู้ขับขี่ต้องเผชิญ สภาพฝนตก เกี่ยวข้องโดยตรง กับอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ที่ได้สูงขึ้น 

อันตรายจากการขับรถหน้าฝน ไม่ว่าคุณจะ อาศัยอยู่ใน ส่วนใดของประเทศ คุณจะต้องได้ ขับรถกลางสายฝน อย่างแน่นอน แต่การได้รู้ว่า ถนนที่เปียกชื้น และทัศนวิสัย ที่ลดลงส่งผล ต่อการขับขี่รถ ของคุณอย่างไร คือสิ่งที่จะช่วย ให้คุณขับขี่ ได้อย่างปลอดภัย ในสภาพที่ฝนตก และนี่ก็คือ ข้อควรระวัง ในการขับรถ หน้าฝนขับรถหน้าฝน 10 เคล็ดลับสำหรับการขับรถในสายฝน เพื่อความปลอดภัยของคุณ และเพื่อนร่วมทาง

1. รอจนกว่าสภาพอากาศ จะดีขึ้นหากเป็นไปได้

หากว่าคุณเป็น มือใหม่ ขับรถ ฝนตก อาจจะรู้สึก ไม่มั่นใจในการขับรถ ท่ามกลางสายฝน หรือถ้าสามารถ เลื่อนการเดินทางออกไปได้ ให้รอจนกว่า สภาพอากาศ จะดีขึ้นก่อน แล้วค่อยขับรถ ไม่มีเหตุผลใด ที่จะทำให้ตัวเอง ตกอยู่ในอันตราย หากไม่มั่นใจ ที่จะต้องขับรถ ในสภาพถนนเปียกชื้น

2. ควรหมั่นตรวจสอบ อุปกรณ์ที่จำเป็น ในรถของคุณเสมอ

ตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าอุปกรณ์ ในรถยนต์ของคุณ อยู่ในสภาพ ปกติก่อนที่จะ เผชิญหน้าสภาพ อากาศฝนตก ตรวจสอบไฟหน้า ไฟท้าย และที่ปัดน้ำฝน เพื่อให้แน่ใจ ว่าจะทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบดอกยาง ของรถคุณด้วย ยางรถหัวล้าน ทำให้ลดความสามารถ ในการยึดเกาะ บนถนนเปียกได้ 

หากคุณพบว่า ดอกยางของรถคุณ นั้นไม่สมบูรณ์ จึงควรทำการ เปลี่ยนยางให้พร้อมเสมอ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ที่จะเกิดขึ้น ต่อไปในอนาคต

3. ขับรถให้ช้าลง

ไม่เพียงแต่คุณ ควรปฏิบัติตาม ขีดจำกัดความเร็ว ที่กำหนดเมื่อ ขับรถอยู่ใน สภาพอากาศ ที่เปียกชื้นเท่านั้น แต่คุณควร ขับรถฝนตก ช้าลงกว่าปกติ เมื่อถนนเปียก อันตรายมาก ความเร็วที่ลดลง เป็นสิ่งที่จำเป็น ในสภาพอากาศ ที่ฝนตกถนนเปียก

4. เปิดไฟหน้าของคุณ

ผู้ขับขี่ควร เปิดไฟหน้ารถ ในขณะฝนตก แม้ว่าจะเป็น เพียงแค่หมอกเท่านั้น การเปิดไฟหน้ารถ จะเพิ่มทัศนวิสัย ในการขับขี่ ของตัวคุณเอง และเพิ่มความสามารถ ของผู้ขับขี่ รายอื่นในการมองเห็น รถของคุณได้

5. ใช้ที่ปัดน้ำฝน กระจกหน้ารถของคุณ

แม้ว่าสิ่งนี้ อาจจะดูเหมือน สามัญสำนึก แต่บางคนนั้น ก็มักจะลืม เปิดที่ปัดน้ำฝน ในขณะที่ ฝนตกปรอย ๆ  ความเร็วที่ปัดน้ำฝน ของกระจกหน้ารถ ส่วนใหญ่สามารถ ปรับเร็วช้าได้ เพื่อไล่ความชื้น ออกจากกระจก เมื่อมีหมอกบาง ๆ หรือฝนตกหนัก 

นอกเหนือไปจาก ใบปัดน้ำฝน ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ หลายอย่างที่สามารถ ฉีดหรือเช็ดกระจก และบางผลิตภัณฑ์ อ้างว่าชะลอ การสะสมของน้ำฝนได้ 

คุณควรจะเปลี่ยน ที่ปัดน้ำฝน หากคุณได้ยิน เสียงขูดระหว่าง ใบปัดน้ำฝนทำงาน หรือเห็นเส้นริ้ว จากใบปัดนำฝน

6. รักษาระยะห่าง ที่ปลอดภัยระหว่าง รถยนต์คันหน้า

ขับรถฝนตก ถนนลื่น ควรขับรักษา ระยะห่างระหว่าง รถยนต์ของคุณ กับรถคันข้างหน้า ให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากการหยุดรถ ของคุณนั้นจะ ทำได้ยากขึ้น เมื่อคุณขับรถ ท่ามกลางสายฝน การรักษาระยะห่าง ระหว่างรถของคุณ กับรถคันอื่น จะช่วยให้คุณ ปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อมีเหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

7. หลีกเลี่ยงการเบรก อย่างหนักหน่วง

พยายามทำให้ รถของคุณช้าลง โดยการถอนเท้า ออกจากคันเร่ง เร็วกว่าปกติ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะ ลดความเร็วของรถ หรือจะหยุดรถ เนื่องจากฝนตก ทำให้ถนนเปียก เมื่อคุณเหยียบเบรก โดยกะทันหัน อาจจะทำให้ ไม่สามารถควบคุม ทิศทางของรถได้ จึงอาจทำให้ เกิดอุบัติเหตุ ร้ายแรงขึ้นได้

8. ระวังแอ่งน้ำบนถนน

ขับรถฝนตก แอ่งน้ำนิ่ง ด้วยความเร็วที่สูง อาจทำให้เกิด การเหินน้ำได้ ซึ่งก็คือเมื่อ รถของคุณได้ สูญเสียการยึดเกาะถนน และได้ลื่นไถล ไปกับพื้นผิวถนน ทำให้คุณนั้น ไม่สามารถควบคุม รถของคุณได้ และอาจเกิดอันตราย ต่อตัวคุณเอง และผู้ใช้ถนนรายอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเหินน้ำ เมื่อเจอแอ่งน้ำ ให้คุณชะลอความเร็ว หรือให้เปลี่ยนเลน อย่างระมัดระวัง

เหตุการณ์เหินน้ำ เป็นหนึ่งในอุบัติเหตุ ที่พบบ่อยที่สุด ท่ามกลางสายฝน เนื่องจากผู้ขับขี่ อาจสูญเสีย การควบคุม หากรถของคุณ เกิดเหตุการณ์เหินน้ำ ให้คุณตั้งสติ แล้วจากนั้นค่อย ๆ ถอนเท้าออกจากคันเร่ง และบังคับเลี้ยว ไปในทิศทาง ที่ด้านหน้ารถ ของคุณต้องไป โดยต้องหลีกเลี่ยง การหักเลี้ยวกะทันหัน หรือเหยียบเบรก

9. การระบายอากาศ ในรถของคุณ

ฝนตกทำให้ ระดับความชื้น ในรถเพิ่มขึ้น คุณอาจพบว่า กระจกรถของคุณ มีฝ้าเมื่อคุณขับรถ ขณะที่ฝนตก ระบบระบายอากาศ ของรถยนต์ส่วนใหญ่ มีฟังก์ชันที่จะทำงาน เพื่อลดหมอกฝ้า ที่ก่อตัวขึ้น ภายในหน้าต่าง และกระจกหน้ารถ 

อาจจำเป็นต้องหยุดรถ หากคุณไม่สามารถ มองผ่านกระจกหน้า ได้อีกต่อไป ลดอุณหภูมิ ภายในรถของคุณ อย่างรวดเร็วด้วยการ ลดหน้าต่างลง หากระบบระบายอากาศ ของรถคุณไม่ช่วยให้ปลอดภัยขณะขับรถกลางสายฝนได้ง่ายๆ 

เมื่อคุณพยายาม ใช้มาตรการป้องกัน เพื่อความปลอดภัย เหล่านี้อย่างมีสติ จะช่วยให้คุณ สามารถขับรถ ในสภาพฝนตก ได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อคนที่คุณรัก และเพื่อนร่วมทาง

โปรดจำไว้ว่า การลดความเร็ว และการเปิดไฟ เป็นสองวิธีที่ง่าย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการลดโอกาส เกิดอุบัติเหตุ ที่อาจเกิดจาก สภาพอากาศ ที่เปียกชื้นได้ สิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ จะช่วยให้คุณ ขับรถหน้าฝน อย่างปลอดภัย 

ประกันชั้น 1 ราคาถูก เรามีคำตอบ ให้กับคุณที่ IBSC BROKER

ติดต่อทีมงานของ IBSC BROKER สำหรับสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์ ความคุ้มครองรถยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย 

เรามีความยินดี ที่จะได้ช่วย ให้คุณได้รับ ประโยชน์สูงสุด จากบริษัทประกันภัย และความคุ้มครอง ที่คุณได้เลือก 

ติดต่อเราได้ ตามรายละเอียดนี้

บริษัท ไอบีเอสซี โบรคเกอร์ จำกัด

ที่อยู่สำนักงานใหญ่

98/8-9 ม.3 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง

จังหวัดนนทบุรี 11110 

เบอร์โทร : 02-571-4949 

แฟกซ์ : 02-571-4449

EMAIL : IT@IBSCBROKER.CO.TH

จะทำอย่างไร หลังจากประสบอุบัติเหตุ ทางรถยนต์

คำแนะนำทีละขั้นตอน เมื่อคุณประสบอุบัติเหตุ ทางรถยนต์ มีขั้นตอนบางอย่าง ที่คุณอาจต้อง รีบดำเนินการ เพื่อช่วยให้ทุกคน ที่เกี่ยวข้องปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎหมาย ติดต่อสายด่วนฉุกเฉิน และบริษัทประกันภัย ที่คุณได้เลือกไว้

ขั้นตอนต่อไปนี้ อาจช่วยแนะนำคุณ เกี่ยวกับการตัดสินใจ ที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่คุณต้องทำ เมื่อคุณประสบอุบัติเหตุ ทางรถยนต์ ไม่ว่าคุณจะเป็น ฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด ในอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ตาม

1. ให้คุณตรวจสอบ อาการบาดเจ็บ ของตัวคุณเอง หากคุณได้รับบาดเจ็บ ให้โทร 1669 หรือขอให้คนอื่นช่วย แต่ถ้าหากคุณ ได้รับบาดเจ็บสาหัส พยายามอย่าขยับเขยื้อน และรอเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน

2. ตรวจสอบผู้โดยสารของคุณ หากคุณไม่ได้รับบาดเจ็บ จนเคลื่อนไหวไม่ได้ ให้คุณตรวจสอบ ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ในรถของคุณ หากคุณพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้รีบโทรศัพท์ แจ้งบริการฉุกเฉิน หรือขอความช่วยเหลือ จากผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุด

3. รีบพาตัวคุณ ไปที่ที่ปลอดภัย ถ้าหากทำได้ ให้คุณย้ายไปอยู่ ข้างถนนหรือทางเท้า หากรถของคุณ ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และก่อให้เกิดอันตราย ณ ที่นั้น ให้รีบนำรถ มาอยู่ข้างทาง มิฉะนั้น ถ้าหากปล่อยให้รถ อยู่ในที่เกิดเหตุ อาจจะทำให้ เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้

4. โทรติดต่อตำรวจ 191 ไม่ว่าอุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย หรือชนกันอย่างรุนแรง การแจ้งตำรวจ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่คุณควรปฏิบัติ 

5. รอความช่วยเหลือ ดับเครื่องยนต์ เปิดไฟฉุกเฉิน เป็นสัญญาณเพื่อเตือน ให้รถคันอื่น ชะลอความเร็ว เพื่อเป็นการป้องกัน การเกิดอุบัติเหตุช้ำซ้อน

6. แลกเปลี่ยนข้อมูล หลังจากแน่ใจว่า คุณและผู้โดยสาร ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ให้คุณแลกเปลี่ยน ข้อมูลการติดต่อ และข้อมูลประกัน กับคนขับคู่กรณี ต่อไปนี้คือข้อมูล ที่สำคัญที่สุด ที่ผู้ขับขี่ ควรแลกเปลี่ยนหลังจาก เกิดอุบัติเหตุ

7. การบันทึกภาพ หรือการถ่ายภาพ อุบัติเหตุ เพื่อช่วยป้องกันตัวเอง ให้ทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 

ถ่ายภาพบันทึก สถานที่เกิดอุบัติเหตุ โดยการถ่ายภาพ รถยนต์ของคุณ จากมุมต่าง ๆ ภาพที่แสดงความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับ รถทั้งสองคัน เพื่อช่วยสนับสนุน การเคลมของคุณ

8. แจ้งบริษัท ประกันของคุณ โทรหาผู้ให้บริการ ประกันของคุณ ในขณะที่คุณ อยู่ในที่เกิดเหตุ

อุบัติเหตุ อาจทำให้แม้แต่ คนขับที่ช่ำชอง แทบหมดสติได้ แต่การปฏิบัติ ตามขั้นตอนเหล่านี้ อาจช่วยปกป้องคุณ จากความกังวล ที่ไม่จำเป็น ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถมุ่งเน้น ไปที่การทำงาน ร่วมกับบริษัทประกันภัยของคุณ เพื่อให้รถของคุณ ได้รับการซ่อมแซม อย่างราบรื่น และรวดเร็วที่สุด

ถ้าคุณต้องการข้อมูล ประกันชั้น 1 ราคาถูก สอบถามเราได้ที่ IBSC BROKER เรามีประกันให้คุณเลือกหลากหลายความต้องการ
ติดต่อทีมงานของ IBSC BROKER สำหรับสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการประกันภัยรถ ความคุ้มครองรถ และอื่น ๆ อีกมากมาย
เรามีความยินดี ที่จะได้ช่วย ให้คุณได้รับ ประโยชน์สูงสุด จากบริษัทประกันภัย และความคุ้มครอง ที่คุณได้เลือก

ติดต่อเราได้ ตามรายละเอียดนี้
บริษัท ไอบีเอสซี โบรคเกอร์ จำกัด
ที่อยู่สำนักงานใหญ่
98/8-9 ม.3 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง
จังหวัดนนทบุรี 11110
เบอร์โทร : 02-571-4949
แฟกซ์ : 02-571-4449
EMAIL : IT@IBSCBROKER.CO.TH
Line ID : @ibsc